ปัญหาที่พบบ่อยในการทำเสาเข็มเจาะ พร้อมวิธีป้องกัน
- seo5491
- Apr 17
- 1 min read

รวมปัญหาที่พบบ่อยในการทำเสาเข็มเจาะ เช่น ดินพัง น้ำใต้ดินรบกวน และความลึกไม่ถึง พร้อมวิธีป้องกันเพื่อให้โครงสร้างแข็งแรงและปลอดภัยในระยะยาว
เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เป็นเสาเข็มประเภทหนึ่งที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายในงานก่อสร้างยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในเขตเมืองหรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านแรงสั่นสะเทือน เพราะเสาเข็มเจาะให้ความยืดหยุ่นสูงในการก่อสร้าง และไม่ส่งผลกระทบต่ออาคารโดยรอบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเสาเข็มเจาะจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีปัญหาที่พบได้บ่อยในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งหากไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อความแข็งแรงของโครงสร้างในระยะยาว บทความนี้จะรวบรวมปัญหาหลักที่มักเกิดขึ้นในการทำเสาเข็มเจาะ พร้อมแนวทางการป้องกันและแก้ไขอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อให้งานฐานรากมั่นคง ปลอดภัย และใช้งานได้อย่างยาวนาน
ปัญหาหลักที่มักเกิดขึ้นในการทำเสาเข็มเจาะ พร้อมแนวทางการป้องกันและแก้ไขอย่างถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
ปัญหาที่ 1: ดินพังหรือดินไหลในหลุมเจาะ
หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุดในการทำเสาเข็มเจาะ คือ “ดินพัง” หรือการที่ผนังหลุมเจาะเกิดการทรุดตัว เนื่องจากสภาพดินในบริเวณนั้นมีความอ่อนตัว หรือเป็นดินทรายที่ไม่มีความสามารถในการพยุงตัวเอง เมื่อเกิดการพังของผนังหลุมจะทำให้ดินถล่มลงมาปนกับคอนกรีต ส่งผลให้เสาเข็มไม่ได้รูป และอาจเกิดโพรงในตัวเสาเข็ม ซึ่งกระทบต่อความแข็งแรงของโครงสร้างโดยตรง
วิธีป้องกัน
ใช้สารละลายเบนโทไนต์ (Bentonite Slurry) หรือโพลิเมอร์เพื่อช่วยพยุงผนังหลุมไม่ให้พัง
วางแผนเจาะและเทคอนกรีตให้เสร็จภายในเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดระยะเวลาที่หลุมเจาะเปิดโล่ง
ตรวจสอบชนิดของดินก่อนเจาะ เพื่อกำหนดเทคนิคการขุดเจาะและอุปกรณ์ที่เหมาะสม
ปัญหาที่ 2: น้ำใต้ดินรบกวน
น้ำใต้ดินเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลเสียต่อการทำเสาเข็มเจาะได้อย่างมาก โดยเฉพาะหากหลุมเจาะทะลุชั้นดินที่มีน้ำสะสมอยู่ใต้ดิน น้ำอาจไหลเข้าสู่หลุมเจาะอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการปนเปื้อนของน้ำกับคอนกรีตขณะเท ส่งผลให้คุณภาพคอนกรีตลดลง และเสี่ยงต่อการเกิดโพรงหรือเสาเข็มไม่เต็มหน้าตัด
วิธีป้องกัน
ใช้ท่อ Tremie เทคอนกรีตจากด้านล่างขึ้นด้านบน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำใต้ดินปนกับคอนกรีต
ใช้ปลอกเหล็ก (Temporary Casing) ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าหลุมเจาะโดยตรง
เตรียมเครื่องสูบน้ำสำรองไว้ในกรณีที่ต้องควบคุมน้ำใต้ดินในระดับฉุกเฉิน
ปัญหาที่ 3: ความลึกไม่ถึงระดับชั้นดินที่มั่นคง
การออกแบบเสาเข็มเจาะต้องคำนึงถึงการส่งถ่ายแรงไปยังชั้นดินที่สามารถรองรับน้ำหนักได้จริง หากการเจาะไม่สามารถลงไปถึงชั้นดินแข็ง หรือหยุดก่อนถึงระดับความลึกที่ออกแบบไว้ อาจทำให้เสาเข็มรับน้ำหนักได้ไม่เต็มที่ และเกิดปัญหาโครงสร้างทรุดตัวในอนาคต
วิธีป้องกัน
สำรวจชั้นดินอย่างละเอียดก่อนเริ่มโครงการ โดยใช้วิธีเจาะสำรวจ (Soil Boring Test)
ปรับแผนการออกแบบเสาเข็มให้ยืดหยุ่นตามผลการสำรวจชั้นดินจริง
ใช้เครื่องเจาะที่สามารถทะลุผ่านชั้นดินแข็งได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ดินผสมหินหรือชั้นกรวด
ปัญหาที่ 4: คอนกรีตไม่ต่อเนื่อง หรือไม่เต็มหน้าตัด
ในการทำเสาเข็มเจาะ หากเกิดการเทคอนกรีตที่ไม่ต่อเนื่อง หรือมีการหยุดชะงักกลางคัน อาจทำให้คอนกรีตแยกชั้นกัน (Cold Joint) และเกิดโพรงในตัวเสาเข็ม ซึ่งส่งผลให้เสาเข็มมีจุดอ่อน และไม่สามารถรับแรงได้ตามที่ออกแบบไว้
วิธีป้องกัน
เตรียมคอนกรีตให้พร้อมก่อนเริ่มเท และเทให้ต่อเนื่องจนเสร็จในครั้งเดียว
ใช้ระบบ Tremie ที่ได้มาตรฐาน และมีการควบคุมความสูงของท่ออย่างเหมาะสม
ตรวจสอบคุณภาพของคอนกรีตก่อนเท เช่น Slump Test เพื่อให้แน่ใจว่าสภาพคอนกรีตเหมาะกับการเทในหลุม
ปัญหาที่ 5: การวางเหล็กเสริมไม่ถูกตำแหน่ง
โครงเหล็กเสริมในเสาเข็มเจาะทำหน้าที่เพิ่มความแข็งแรงและยืดหยุ่นให้กับเสาเข็ม หากวางไม่ถูกตำแหน่ง หรือมีการเคลื่อนที่ขณะเทคอนกรีต อาจทำให้ความสามารถในการรับแรงของเสาเข็มลดลง และส่งผลต่อความมั่นคงของโครงสร้างทั้งหมด
วิธีป้องกัน
ใช้ Spacer หรือแผ่นรองเหล็กเพื่อเว้นระยะหุ้มคอนกรีตให้เท่ากันทุกด้าน
ผูกเหล็กเสริมอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวระหว่างเทคอนกรีต
ตรวจสอบตำแหน่งโครงเหล็กก่อนการเท และควบคุมขั้นตอนโดยวิศวกรที่มีประสบการณ์
การควบคุมคุณภาพในการทำเสาเข็มเจาะ
นอกจากการป้องกันปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว สิ่งสำคัญคือการควบคุมคุณภาพโดยรวมของกระบวนการก่อสร้าง ซึ่งในการทำเสาเข็มเจาะจำเป็นต้องมีการทดสอบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจสอบ Slump ของคอนกรีต การตรวจสอบความลึกจริงของหลุมเจาะ การใช้กล้องถ่ายภาพหลุมเจาะ (Borehole Camera) รวมถึงการทดสอบเสาเข็มหลังติดตั้ง เช่น Static Load Test หรือ Sonic Test เพื่อยืนยันว่าเสาเข็มได้คุณภาพและสามารถรับน้ำหนักได้ตามแบบ
เสาเข็มเจาะกับความปลอดภัยระยะยาวของโครงสร้าง
โครงสร้างอาคารทุกประเภทไม่ว่าจะสูงใหญ่แค่ไหน หากไม่มีฐานรากที่มั่นคงย่อมเสี่ยงต่อการทรุดตัวในอนาคต การลงทุนในระบบเสาเข็มที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดในระยะยาว การป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการทำเสาเข็มเจาะไม่เพียงช่วยลดต้นทุนซ่อมแซมในภายหลัง แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานอาคารอีกด้วย
แม้ว่าเสาเข็มเจาะจะเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงในการก่อสร้างฐานรากโดยเฉพาะในเขตเมือง แต่ก็มีรายละเอียดมากมายที่ต้องใส่ใจ ตั้งแต่สภาพชั้นดิน น้ำใต้ดิน การควบคุมการเทคอนกรีต ไปจนถึงการติดตั้งเหล็กเสริมอย่างถูกต้อง การวางแผนล่วงหน้า การใช้วัสดุและเครื่องมือที่เหมาะสม และการควบคุมโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญคือหัวใจของการสร้างฐานรากที่มั่นคง ปลอดภัย และยืนยาว
หากคุณกำลังวางแผนโครงการก่อสร้าง อย่าลืมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านเสาเข็ม และเลือกทีมงานที่มีประสบการณ์ในการทำเสาเข็มเจาะอย่างมืออาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้างของคุณจะเริ่มต้นจากรากฐานที่ดีที่สุด
หากคุณกำลังมองหาเสาเข็มคอนกรีตคุณภาพในราคาสมเหตุสมผล บริษัท เมโทรโปลิแทน โปรดักส์ จำกัด ถือเป็นตัวเลือกที่ไว้วางใจได้ทั้งด้านคุณภาพและบริการ
นอกจากนี้ เมโทรโปลิแทน โปรดักส์ ยังให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านเสาเข็มเจาะ ด้านการผลิตสินค้าคอนกรีตผสมเสร็จ และคอนกรีตอัดแรงประเภทต่าง ๆ ทั้งเสาเข็มคอนกรีต เสาเข็มไมโครไพล์ เสาเข็มหกเหลี่ยม เสาเข็มตัวไอ รั้วสำเร็จรูป แผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรง แผ่นพื้นสำเร็จรูป ราคาย่อมเยา คุณภาพสูงสุด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายประเภทโครงการ อีกทั้งเรายังให้บริการรับตอกเสาเข็ม ทั้งนี้บริษัทมีการตรวจสอบคุณภาพทุกขั้นตอนของการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ออกจากโรงงานมีคุณภาพสูงสุดและสามารถใช้งานได้ตามมาตรฐานที่กำหนด พร้อมบริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว
ติดต่อสอบถามรายละเอียดสินค้า พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่
โทร. 02-517-4480
อีเมล Group.sale@mp.co.th
LINE : @mpconcrete
Facebook : เสาเข็มคอนกรีต แผ่นรั้ว แผ่นพื้น บริษัทเมโทรโปลิแทน โปรดักส์
Comments